จับเทรนด์เอไอโลก 2023 โอกาสหรือภัยคุกคาม

เอไอเป็นเทรนด์เทคโนโลยีประจำปี 2566 ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง สังเกตได้จากงานซีอีเอสอันลือลั่นที่ลาสเวกัส

เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI)

กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว พบได้ในทุกสิ่งตั้งแต่อีคอมเมิร์ซไปจนถึงอัลกอริธึมโซเชียลมีเดีย

อเยชา คัณณา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) Addo บริษัทโซลูชันเอไอและดาต้า คาดการณ์ว่า ปีนี้ภาพและเพลงที่สร้างจากเอไอพุ่งฉุดไม่อยู่ แม้มาแทนมนุษย์ไม่ได้ แต่ “เอไอจะกลายเป็นสมาชิกใหม่ของทีมมนุษย์ในงานหลายอย่าง เอไอเข้ามามีส่วนร่วมเสนอและร่างแนวคิด”

เบอร์นาร์ด มาร์ นักอนาคตศาสตร์และนักเขียนเจ้าของผลงานหนังสือหลายเล่ม รวมทั้ง“Future Skills” และ“Business Trends in Practice” ก็เตรียมพร้อมสำหรับเทรนด์ปีนี้แล้วด้วย

ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ

“จุดเน้นของเอไอจะอยู่ที่เสริมการทำงานของพนักงาน เนื่องจากตอนนี้มีเครื่องมือใหม่ๆ ช่วยให้กำลังแรงงานใช้ประโยชน์จากเอไอได้อย่างเต็มที่”

แต่คัณณาเตือนว่า มีงานให้ทำอีกมากเพื่อสร้างหลักประกันว่าการทำงานของ

เจเนอเรทีฟเอฟไอ (generative AI) ทำงานได้อย่างแม่นยำไม่มีอคติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอย่างการดูแลสุขภาพ ถ้าเอไอผู้ช่วยให้คำแนะนำการรักษาแก่แพทย์ผิดพลาดจะสร้างผลเสียหายตามมามหาศาล

Alibaba DAMO Academy (“DAMO”) โครงการวิจัยระดับโลกของอาลีบาบากรุ๊ป คาดการณ์เช่นกันว่าเทรนด์เทคโนโลยีอันดับหนึ่งของปี 2566 หนีไม่พ้นเจเนอเรทีฟเอฟไอ หรือตัวสร้างคอนเทนท์ใหม่จากชุดข้อความ รูปภาพ หรือไฟล์เสียงที่ป้อนให้ ปัจจุบันเจเนอเรทีฟเอไอส่วนใหญ่ใช้เพื่อผลิตงานต้นแบบและงานร่าง นำไปประยุกต์ใช้ในฉากทัศน์ต่างๆ เช่น เกม โฆษณา และกราฟฟิกดีไซน์ เมื่อเทคโนโลยีในอนาคตก้าวหน้าไปมากควบคู่กับต้นทุนถูกลง เจเนอเรทีฟเอไอจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุม สามารถเพิ่มความหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนท์ได้

DAMO มองว่า ในสามปีข้างหน้าจะได้เห็นโมเดลธุรกิจเกิดขึ้นและอีโคซิสเต็มเติบโตเต็มที่เมื่อเจเนอเรทีฟเอไอวางจำหน่ายอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ โมเดลเจเนอเรทีฟเอไอ จะมีการโต้ตอบ ปลอดภัย และชาญฉลาดมากขึ้น ช่วยเหลือมนุษย์ในการทำงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย

ความโดดเด่นของเอไอเห็นได้จากงานแสดงสินค้าเทคโนโลยี CES (Consumer Electronics Show) ครั้งล่าสุดในเดือน ม.ค.ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดาของสหรัฐ เอไอได้รับการพูดถึงทั่วงาน บริษัทใหญ่น้อยเปิดตัวเอไอทุกอย่างตั้งแต่ทีวีไปจนถึงแปรงสีฟัน ซึ่งต้องพึ่งพาบิ๊กดาต้าและเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เพื่อการทำงานที่เยี่ยมยอด

อุปกรณ์เอไอเต็มงานซีอีเอสทั้งเครื่องให้อาหารนก เปลอุ้มเด็ก นาฬิกาข้อมือต่อสู้กับความเหนื่อยเล้า ถึงจุดที่บางคนสงสัยว่า ปรากฏการณ์เอไอถูกขายมากเกินไปหรือไม่

เอวี กรีนการ์ต นักวิเคราะห์เทคโนโลยีกล่าวว่า เอไอไม่ได้หวือหวาแค่ในงาน ซีอีเอสเท่านั้น เทคโนโลยีนี้ใช้ในกล้องมาร์ทโฟน ในโรงงานเพื่อตรวจหาสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ในภาคเกษตรเพื่อระบุวัชพืชและฉีดยาฆ่า

ตัวอย่างเอไอในงานซีอีเอส เช่น แอนโทนี เปอร์โซ วิศวกรฝรั่งเศส แนะนำอุปกรณ์เล็กๆ ที่เรียกว่า Emobot “เทอร์โมมิเตอร์วัดอารมณ์” ที่ดูเหมือนลำโพงผสมกับชิ้นงานศิลปะแอบส์แทรค วางอยู่มุมโรงแรม Venetian เพื่อตรวจหาโอกาสผิดปกติทางจิตเวชในหมู่ผู้สูงอายุ ช่วยผู้ดูแลในบ้านพักคนชรา ปรับการรักษาโดยไม่ต้องรอจิตแพทย์

เทคโนโลยีนี้สามารถ “วิเคราะห์การแสดงออกเล็กๆ ทางใบหน้า” ซึ่งจะสะท้อนอารมณ์ของมนุษย์ เป็นตัวขยาย “สภาพจิตใจและจิตเวชของเราได้”

นูฟา สตาร์ทอัพอีกราย นิยามตนเองว่า “ผู้บุกเบิกด้านเปลี่ยนแปลงร่างกายโดยใช้เอไอ” แอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือตัวนี้เปิดให้ผู้ใช้ตกแต่งภาพให้มีรูปร่างสะโอดสะองแบบนักกีฬา และจูงใจให้พวกเขาปฏิบัติตามแผนการ 90 วันเพื่อเป็นดั่งภาพนั้นให้ได้

เอมิล จิเมเนซ ผู้ก่อตั้งมายด์แบงก์ ก็มีความฝันใช้เอไอสำรวจอารมณ์มนุษย์ด้วยเช่นกัน แอพของเขาเปิดให้ผู้ใช้ตอบคำถามลึกซึ้งส่วนตัว เช่น ความรักมีความหมายอะไรต่อคุณ คำตอบเหล่านี้จะนำไปสร้างฝาแฝดดิจิทัลส่วนตัวเพื่อ “บันทึกจิตใจคุณไว้บนคลาวด์ตลอดกาล”